KOU SOU ZANG PO...BHUTAN...
วัดคิชู...พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พาโร...พาโร ซอง...
ปลายเดือนสิงหาคม 2557 มีโอกาสเดินทางไปประเทศภูฏาน ประเทศในฝันมานานนับสิบปี (ด้วยความอุปถัมภ์ของเจ้าภาพผู้มีอุปการคุณ) ตั้งแต่มีโอกาสเห็นวัฒนธรรมและพุทธศาสนาในดินแดนอินเดีย เนปาล จีน เห็นการแต่งกายด้วยชุดสีแดงของลามะ
การกราบอัษฏางคประดิษฐ์ วงล้อมนต์ตรา Singing Bowl สร้อยประคำ และอุปกรณ์นานาชนิดที่พุทธศาสนิกชนใช้ในการภาวนา
ปีนี้เป็นปีครบรอบความสัมพันธ์ไทย-ภูฏาน 25 ปี เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลภูฏาน สนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวแก่ชาวไทย ย้ำ! เฉพาะชาวไทยเท่านั้น...แอบภูมิใจเล็กๆ ที่เกิดเป็นคนไทย...
สายการบินจากประเทศไทยไปภูฏาน คือ ดรุกแอร์ (Druke Air) ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติ และ สายการบินภูฏาน (Bhutan Airlines) บินจากประเทศไทยด้วยเวลาไล่เลี่ยกัน ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง เวลาของภูฏานจะช้ากว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง โดยปกติจะแวะที่สนามบินในประเทศอินเดียประมาณ 30-60นาที เพื่อส่งผู้โดยสาร ที่กัลกัตตา ขาไป และขากลับ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจากเครื่องบิน รายการทูไนท์โชว์ บอกว่าแต่ละเที่ยวบินจุผู้โดยสารได้ประมาณ 130 คน (เท่าที่ดูด้วยสายตาน่าจะเกิน แต่ก็ไม่มาก) จึงทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะไปภูฏานนั้นจะถูกจำกัดด้วยความจุของเครื่องบินไปโดยปริยาย
21 สิงหาคม 2557 : วันแรก จากท่าอากาศยานนานาชาติ สุวรรณภูมิ เที่ยวบิน B3701 เหินฟ้าสู่ สนามบินนานาชาติ พาโร ประเทศภูฏาน (สำนวนเหมือนบริษัททัวร์มั้ยคะ) ออกเดินทางประมาณ 6.30 น. ถึง เวลาประมาณ 10.10 น. (เวลาท้องถิ่น)
พาหนะที่จะนำไปสู่ ภูฏาน เที่ยวบิน 3701
สิ่งแรกที่ทุกคนมองหา และทุกคนมองเห็น เมื่อลงจากเครื่องบิน

|
พระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก
และ สมเด็จพระราชินีเจตชุน เพมา วังชุก ณ สนามบินนานานชาติ พาโร |
 |
รถบรรทุกสัมภาระนักท่องเที่ยว เน้นประโยชน์ใช้สอยจริงๆ (คนขวาที่ถือกระเป๋าสีม่วง คือ คุณคาจิ เป็นเจ้าของบริษัท หิมาลายัน ทัวร์ เป็นชาวเนปาล มีบริษัทที่เนปาลและไทย มีภรรยาเป็นชาวสุโขทัย) |
 |
คนนำทัวร์ท้องถิ่นส่วนมากเป็นชาย แต่งกายด้วยชุดประจำชาติ |
 |
รถป้ายแดงทุกคัน |
 |
วัดคิชู (Kytchu Lhakhang)
วัดคิชู (Lhakhang-ลาคัง แปลว่า วัด) เป็นโบสถ์โบราณซึ่งพระเจ้าซองต์เซน กัมโป กษัตริย์ทิเบต ทรงสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 659 โบสถ์นี้เป็นโบสถ์หนึ่งในการสร้างโบสถ์ 108 แห่งภายใน 1 วัน ตามที่ทรงตั้งพระปณิธานเอาไว้ การสร้างโบสถ์เป็นการขจัดนางมารที่มีร่างกายใหญ่โตสามารถเหยียดแขนเหยียดขาออกไปครอบคลุมทั่วทั้งทิเบตและภูฏานได้ จุดที่พระเจ้าซองต์เซน กัมโปมาสร้างวัดในเมืองปาโรคือ พื้นที่ส่วนที่เท้าซ้ายของนางมารเหยียบอยู่
วัดเคยถูกไฟไหม้และได้รับการบูรณะสร้างขึ้นใหม่ โดยอัญเชิญพระศากยมุนีเป็นพระประธานในโบสถ์ ต่อมาได้มีการก่อสร้างวัดเพิ่มเติมขึ้นอีกหลายครั้งหลายหน ล่าสุด สมเด็จพระราชชนนีได้ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อการบูรณะวัดให้มีสภาพดีต่อไป และทรงสร้างรูปปั้นของท่านกูรูรินโปเช สูง 5 เมตร ไว้ที่วัดนี้ด้วย ท่านจะเสด็จมาทำบุญและภาวนาที่วัดนี้เป็นประจำ (ข้อมูลจาก - หนังสือคู่มือนักเดินทางฉบับพกพา "ภูฏาน" หนังสือในเครือเที่ยวรอบโลก)
ข้อห้าม: ภายในโบสถ์/วิหารของวัด ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ห้ามถ่ายภาพทุกที่!!!
|
 |
ภาวนาแม้ฝนจะตก |
 |
ประดับประดาด้วยผ้าหลากสี |
 |
อาคาร ณ เมืองพาโร |
 |
พักผ่อนสนทนา ริมระเบียง |
 |
รูปที่ีมีทุกบ้านของชาวภูฏาน |
 |
ประตูทางเข้าอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมืองพาโร (Bhutan National Museum : TA DZONG)
เดิมเป็นหอคอยสังเกตการณ์ สร้างในปี ค.ศ. 1651 และเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1968 จัดแบ่งเป็นห้องๆ ผลงานที่จัดแสดงส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ภาพพระบฏ หน้ากาก ตั้งแต่สมัยโบราณถึงปัจจุบัน งานหัตถกรรมที่ใช้ประจำวัน เครื่องแต่งกาย ชุดเกราะ สัตว์สต๊าฟ เป็นต้น |
 |
อาคารพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (หลังเดิม)
|
 |
พาโรซอง (Paro Dzong)
สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1646 เพื่อใช้เป็นป้อมป้องกันข้าศึก ปัจจุบันเป็นทั้งสถานที่ราชการและวัด จุดเด่นของสถาปัตยกรรมภายในคือ สร้างด้วยไม้ขนาดใหญ่เข้าลิ้น (ไม่มีตะปูแม้แต่ตัวเดียว)
ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการบริหารกิจการสงฆ์ของเมืองพาโร มีพระสงฆ์จำวัดประมาณ 200 รูป |
 |
ท้าวจตุโลกบาล |
 |
วัฏสงสาร |
 |
สี่สหาย (ช้าง ลิง กระต่าย นก) เป็นภาพที่พบได้ทั่วไปในภูฏาน |
 |
สถาปัตยกรรมบริเวณ พาโรซอง |
 |
เมื่อเข้าวัด ชายชาวภูฏานจะต้องเพิ่มผ้าพาดตามจารีต...
นักท่องเที่ยวต้องแต่งกายสุภาพ งดสายเดี่ยว แขนกุด กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น งดหมวก งดร่ม |
 |
นักท่องเที่ยวชาวไทยตั้งใจหมุนกงล้อภาวนา (ตามเข็มนาฬิกาและตามคำแนะนำของมัคคุเทศก์ ^_^) |
 |
กงล้อภาวนาที่พบในทุกพุทธศาสนสถาน |
 |
เจ้าหน้าที่และเด็กนักเรียนชาวภูฏาน |
ประทับใจความเข้มแข็งในวัฒนธรรมของชาวภูฏาน การแต่งกาย สถาปัตยกรรม ความเป็นธรรมชาติ อากาศสะอาดสดชื่น ต้นข้าวเต็มท้องนา น้ำใสสะอาดไหลเชี่ยว...เรียบง่าย...และแอปเปิ้ล (ปลูกกันเกือบทุกบ้าน พอๆ กับคนไทยปลูกกล้วย)
ขอส่งท้ายวันแรกด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่ายจริงๆ...
 |
USE ME...ไม่ต้องใหญ่ไม่ต้องสวยมากไม่ต้องแพง
ทิ้งให้ลง...ก็สะอาด...เรียบร้อย |
 |
การทำนา ยังใช้แรงงานคน และ หุ่นไล่กา
ปลอดภัยทั้งคนปลูก คนกิน...
Please THAILAND |
งดงามอย่างยิ่ง สุดยอดจริงๆ
ตอบลบ